ตรวจ NIPT • ฝากครรภ์ • อัลตราซาวด์ 2D/4D/MFM • โรคนรีเวช • ตรวจมะเร็งปากมดลูก • วัคซีนเด็ก

การฝากครรภ์ครั้งแรกจะดีที่สุดถ้ามาก่อน 12 สัปดาห์ได้ครับ โดยนับจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย โดยช่วงที่จะเริ่มอัลตราซาวด์เห็นตัวอ่อนและหัวใจทารกจะเป็นช่วง 6-8 สัปดาห์ ดังนั้นเข้ามาฝากครรภ์ช่วงดังกล่าวก็จะเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดครับ คุณแม่จะได้มีการตรวจเลือดหาโรคติดเชื้อ พาหะโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย และความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด แต่หากคุณแม่ท่านไหนมีโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานยาอยู่ประจำ ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัว เพราะอาจจะต้องมีการปรับยาระหว่างตั้งครรภ์ หรือถ้ามีเลือดออกปวดท้องน้อย ควรเข้ามาตรวจก่อนนะครับ เพื่อเช็คตำแหน่งการตั้งครรภ์ว่าอยู่ใน/นอกมดลูก หรือถ้าหากมีภาวะแท้งคุกคามก็อาจจะรับประทานยากันแท้งเพื่อช่วยประคองการตั้งครรภ์ได้ครับ

สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 10 สัปดาห์เลยครับ อย่างไรก็ตามในคุณแม่ที่น้ำหนักตัวเยอะ BMI เกิน 30 อาจจะแนะนำให้ตรวจช่วง 14-16 สัปดาห์เพื่อให้สามารถแปลผลได้แน่ชัดตั้งแต่ครั้งแรกครับ

ที่คลินิกจะมีทั้งตัวไม่มีประกัน 5 คู่โครโมโซม ( 4000 บาท ) หรือจะเป็น ตัวมีประกันแปลผลผิดพลาด 7000 บาทหรือ 23 คู่ 9500 บาท โดยทางคลินิกเลือกส่งกับบริษัท NIFTY เท่านั้นเพื่อให้คุณแม่มั่นใจได้ว่าผลที่ออกมาจะมีความแม่นยำและเชือถือได้มากที่สุด จากฐานข้อมูลที่มีมากที่สุดในประชากรไทย

ทุกคนที่ตั้งครรภ์ ควรมีโอกาสได้รับการตรวจ NIPT เพื่อดูโอกาสที่ลูกจะมีโครโมโซมผิดปกติ โดยเฉพาะโรคดาวน์ซินโดรม และโครโมโซมคู่ที่ 18 13 เกินที่พบได้บ่อย และส่งผลให้เกิดความผิดปกติกับทารกในครรภ์ซึ่งบางทีไม่สามารถตรวจพบได้จากอัลตราซาวด์ แต่ในคุณแม่ที่อายุเยอะเกิน 35 ปี ก็จะยิ่งแนะนำมากขึ้นครับเพราะความเสี่ยงยิ่งมากขึ้น เมื่อตั้งครรภ์ตอนอายุเยอะขึ้น

เดินทางสะดวก มีที่จอดรถบริเวณรอบหน้าคลินิก และที่สำคัญที่คลินิกมีสมุดฝากครรภ์ออนไลน์ที่สามารถย้อนดูรูปประวัติได้ทุกที่แม้ว่าสมุดจะหายหรือลืมพก ซึ่งเป็นที่แรกในประเทศไทยที่ใช้สมุดฝากครรภ์ออนไลน์ หมอก็สามารถดูประวัติได้จากทุกที่และให้คำแนะนำได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ทักไลน์เข้ามาถามเลยครับ

ที่คลินิก พยายามเปิดโอกาสให้คุณแม่ได้มีโอกาสฝากครรภ์ในราคาที่เข้าถึงได้มากที่สุดด้วยมาตรฐานเดียวกับที่โรงพยาบาล ทั้งเรื่องการเจาะเลือด ยาเบาหวาน ยาบำรุงที่จำเป็น การรักษาภาวะแทรกซ้อนต่างๆ รวมทั้งมีแพทย์ MFM ออกตรวจเพื่อเพิ่มความมั่นใจกับคุณพ่อคุณแม่ทุกคน หากมีปัญหา ติดขัดด้านไหนก็สามารถปรึกษาได้ตลอดครับ

ถ้าคำแนะนำที่ดีที่สุดก็คือควรเจาะทุกคนครับ เพื่อดูโรคติดเชื้อในสามีและพาหะธาลัสซีเมีย แต่เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย หมอจะให้เจาะในรอบถัดไปในกรณีที่พบว่าผลเลือดของคุณแม่มีความผิดปกติ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลนะครับ ^^

ปกติระหว่างฝากครรภ์ หมอจะแนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ช่วง 12-20 สัปดาห์ วัคซีนไอกรน 20-32 สัปดาห์ ซึ่งแนะนำให้ฉีดในคุณแม่ทุกคน เพื่อกระตุ้นภูมิให้คุณแม่และทารกหลังคลอดด้วยครับ ส่วนวัคซีนบาดทะยักก็จะขึ้นกับประวัติคุณแม่ว่าเคยฉีดมาแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่เคยฉีดก็อาจจะนัดฉีดทั้งหมด 3 ครั้งห่างกัน 1 เดือนและ 6 เดือนตามลำดับ ส่วนใครที่เคยฉีดครบแล้วแต่เกิน 10 ปีก็จะฉีดกระตุ้น 1 ครั้งตอนอายุครรภ์ไหนก็ได้ครับ แต่ถ้าพึ่งฉีดไปไม่เกิน 10 ปี ก็อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องกระตุ้นในท้องนี้ ส่วนวัคซีน RSV ถ้าเป็นไปได้และงบประมาณไหว ก็เป็นวัคซีนที่แนะนำให้ฉีดอีกตัวนึงเลยครับ ... ส่วนคุณแม่ที่โดนแมวข่วน สุนัขกัด สามารถฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าได้ตามปกตินะครับ ไม่อันตรายต่อทารกในครรภ์ครับ

ต้องบอกเลยครับว่ามีประโยชน์ทั้งสองอย่าง โดยเฉพาะสมุดฝากครรภ์เล่มชมพูของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะมีประวัติการฝากครรภ์ของทั้งคุณแม่และลูก ใช้กันไปยาวๆได้เลย พร้อมคำแนะนำต่างๆ แต่ที่คลินิกหมอก็จะมีสมุดฝากครรภ์ออนไลน์ที่เก็บข้อมูลสำคัญในระหว่างการตั้งครรภ์ไว้ เพื่อให้คุณแม่ได้ใช้ดูทุกที่ได้เลย ไม่ต้องกลัวสมุดหายครับ ( ที่แรก และที่เดียวตอนนี้นะ ^^ ) ที่คลินิกหมอก็มีให้ทั้งสองอย่างเลยครับ

สำหรับคุณแม่ที่ไม่มั่นใจว่าจะผ่าตัดคลอด หรือ คลอดธรรมชาติ ก็ต้องบอกว่าถ้าเป็นไปได้และดีที่สุด การที่คุณแม่คลอดเองก็จะดีที่สุดครับ เพราะสามารถฟื้นตัวได้ไวกว่า โอกาสตกเลือดน้อยกว่า และไม่จำเป็นต้องผ่าคลอดในท้องถัดไป ในขณะที่ในคุณแม่บางรายเคยผ่าคลอดมาก่อน เด็กไม่กลับหัว เชิงกรานแคบ ทารกตัวใหญ่ เร่งคลอดไม่สำเร็จ หรือมีภาวะแทรกซ้อนที่จะต้องผ่าตัดคลอด ก็ควรจะต้องผ่าตัดคลอดนะครับ เพื่อความปลอดภัยที่สุดของทั้งคุณแม่และลูกน้อย โดยหมอจะแนะนำวิธีคลอดที่ดีและเหมาะสมี่สุดให้คุณแม่ โดยตัดสินใจร่วมกันครับ ยังไงไม่มั่นใจว่าจะคลอดเองได้ไหม อาจจะต้องตรวจภายในดูช่วงใกล้คลอดอีกทีครับ ถ้าคุณแม่เจ็บเยอะตอนตรวจภายใน หรือตรวจแล้วเชิงกรานแคบ การผ่าตัดคลอดก็อาจจะเป็นอีกทางเลือก แต่ต้องพิจารณาข้อดี ข้อเสียอื่นๆด้วยนะครับ

สามารถคลอดได้ที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ครับ แต่หมอก็จะทำคลอดที่โรงพยาบาลบางใหญ่เป็นหลัก ส่วนโรงพยาบาลเอกชนก็ได้แก่ รพ.เกษมราษฎร์รัตนาธิเบศ รพ.เกษมราษฎร์อินเตอร์ รพ.แม่และเด็กรังสิต รพ.ศรีสวรรค์ราชพฤกษ์ รพ.กรุงไทยเวสเทิร์น ซึ่งถ้าคุณแม่ท่านไหนวางแผนคลอด รพ.เหล่านี้ก็สามารถเข้ามาฝากได้ครับ หรือจะย้ายกลับไปคลอดใกล้บ้าน หมอก็ยินดีดูแลในช่วงแรกให้ดีที่สุดครับ

ถ้าอายุครรภ์น้อยกว่า 20 สัปดาห์ เราจะเรียกว่าภาวะแท้งคุกคามครับ โดยเฉพาะถ้ายังอยู่ในไตรมาสแรก ช่วง 14 สัปดาห์ อาจจะเกิดจากการที่ตัวอ่อนยังฝังตัวได้ไม่ดี การรับประทานยากันแท้งก็อาจจะช่วยป้องกันภาวะแท้งได้ครับ แต่ควรจะต้องมีการยืนยันแล้วว่าตั้งครรภ์ในโพรงมดลูกจริง ไม่ใช่การตั้งครรภ์นอกมดลูก ร่วมกับอัลตราซาวด์ไม่พบความผิดปกติของตัวอ่อน เพราะถ้าอัลตราซาวด์เจอว่าท้องนอกมดลูก หรือเป็นภาวะท้องลม / เด็กเสียชีวิตในครรภ์ การรับประทานยากันแท้งก็อาจจะไม่ได้ช่วยแล้วครับ เพราะร่างกายก็จะพยายามเข้าสู่กระบวนการแท้งตามธรรมชาติเพื่อขับเด็กที่มีความผิดปกติออกมาครับ แต่ถ้าอายุครรภ์เกิน14 สัปดาห์ขึ้นไปก็ควรตรวจเช็คดูตำแหน่งรก ว่ามีรกเกาะต่ำหรือไม่ มีอุบัติเหตุแล้วเกิดการรอกตัวของรก หรือว่าเกิดจากการมีติ่งเนื้อหรืออักเสบบริเวณปากมดลูก ก็อาจจะเป็นสาเหตุของการเลือดออกได้เช่นกันครับ

จริงๆแล้ว คำว่า MFM ก็คือ คุณหมอเฉพาะทางเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับ ความผิดปกติในทารกจากการอัลตราซาวด์ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้แนะนำให้คุณแม่ทุกคนมีโอกาสได้อัลตราซาวด์สักครั้งครับ แต่อย่างไรระหว่างฝากครรภ์หมอก็จะมีการอัลตราซาวด์เบื้องต้นให้ทุกครั้งอยู่แล้วไม่ต้องกังวลนะครับ

โดยทั่วไปแนะนำช่วง 16-18 สัปดาห์ขึ้นไปครับ ( ประมาณ 4 เดือนกว่าๆ ) จะเป็นช่วงที่เห็นอวัยวะเพศได้ชัดเจนขึ้น แต่อย่างไรก็ตามอาจจะไม่สามารถคอนเฟิร์มได้ 100% ทีเดียวนะครับ การตรวจ NIPT ก็อาจจะเป็นตัวช่วยให้สามารถทราบโครโมโซมเพศทารกได้ดียิ่งขึ้นครับ

ต้องบอกว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำครับ แต่การท้องแต่ละครั้งคุณแม่มีโอกาสทำแค่ช่วงที่ตั้งครรภ์ครับ การได้สร้างความผูกพัน ได้เห็นหน้าลูกตั้งแต่ในครรภ์ในรูปแบบ รูปภาพและวีดีโอ เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก หมอว่าก็เป็นสิ่งที่น่าเก็บไว้เป็นความทรงจำดีดีของทุกคนในครอบครัวนะครับ ^^

ต้องบอกว่า เด็กเล็กหลังคลอด ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่สามารถฉีดกระตุ้นได้ตั้งแต่เกิดครับ สำหรับเชื้อ RSV ซึ่งก่อโรคปอดติดเชื้อ หลอดลมอักเสบ ซึ่งเป็นต้นตอของการเกิดโรคปอดเรื้อรัง รวมไปถึงโรคหอบหืดอีกด้วย การฉีดตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ 26-36 สัปดาห์ก็เป็นเรื่องที่หมออยากแนะนำ แม้ว่าราคาอาจจะดูแพง ( แต่ที่นี่ถูกมากแล้วนะ ) ก็ถูกกว่าไปฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จหลังคลอดเยอะเลยครับ ( เดี๋ยวหาว่าหมอไม่เตือนนะ )